ทุกวันนี้การสร้างสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิตของเรานั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัวเรา ทำให้เราทำงานได้ตลอดเวลา เห็นคนอื่นเขาทำงานแล้วยังมีเวลาออกไปใช้ชีวิต มีเวลาให้ครอบครัว เลิกงานไปหาแฟนได้ ทั้งที่ทำงานตลอดวัน ก็แอบอิจฉาชีวิตพวกเขาเหล่านั้น เพราะเขาเหล่านั้นจัดการชีวิตและบาลานซ์ชีวิตได้ดี ถึงแม้จะทำงานทั้งวัน ก็ยังสามารถกินเที่ยว สังสรรค์กับเพื่อน มีเวลาให้กับครอบครัวและคนรัก ซึ่งการสร้างสมดุลให้กับชีวิตถือว่าสำคัญ ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ เมื่อเรามีคุณภาพชีวิตที่ดี ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตได้แบบแฮปปี้ วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการบาลานซ์ชีวิตแบบ Work hard-Play hard ไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป แค่คุณทำตามที่เราบอก รับรองชีวิตคุณจะแฮปปี้ขึ้นกว่าเดิม ว่าแต่จะมีเคล็ดลับอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันครับ
การไปถึงที่ทำงานก่อนเวลา ทำให้เรามีเวลามากกว่าคนอื่น มีเวลาได้พักสมอง เตรียมความพร้อมในการทำงาน จัดลำดับความสำคัญการทำงานในแต่ละวันได้อย่างเป็นระบบ และรักษาเวลาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การไปทำงานเช้ายังเหมือนเป็นการเริ่มต้นชัยชนะเล็กๆ ของวัน จากการที่เราสามารถเอาชนะตัวเองให้ตื่นเช้าได้ เดินทางได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องเจอกับปัญหาจราจรที่หนาแน่น ไม่ต้องลุ้นว่าจะสแกนนิ้วหรือเข้างานทันไหม ถือว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่สวยงาม
2:1:1 เป็นแนวคิดกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสม (ผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน ) โดยกะด้วยสายตา แบ่งสัดส่วนของจาน ออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน เรายังคงได้ความอร่อยเหมือนเดิม เพียงแค่ปรับการเลือกวัตถุดิบที่จะนำมาปรุงอาหารสักหน่อย รับรองว่าอร่อย แถมได้สุขภาพดีไม่มีพุงอีกด้วย
ผลการวิจัยทั่วโลกต่างยืนยันตรงกันว่า การยิ้มหรือการหัวเราะมีผลให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน เซโรโทนิน และโดพามีน หรือสารแห่งความสุขออกมาเป็นวงจรอัตโนมัติ สารเหล่านี้จะหลั่งออกมาในขณะที่เราหัวเราะ มีส่วนให้ร่างกายและจิตใจทำงานได้ดีขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ผ่อนคลายความเครียด ทำให้ไม่ป่วยง่ายและหายป่วยเร็ว นอกจากนี้การหัวเราะยังทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าปอดเพิ่มขึ้น เมื่อเกิดอาการเครียดจากงานหรือมีเรื่องให้ต้องปวดหัว การดูหนังตลกช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดี
เราควรรู้จักแบ่งเวลาการทำงานกับการพักผ่อนให้เหมาะสม หากไม่จำเป็นไม่ควรเอางานติดไม้ติดมือกลับไปทำที่บ้านด้วย นอกจากจะไม่ได้พักผ่อนแล้ว ยังสร้างวินัยไม่ดีให้กับชีวิต และสร้างระบบการทำงานที่ไม่ดีให้กับองค์กรในระยะยาว การแบ่งเวลาให้เป็นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ช่วงเวล
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ชอบพบปะ ใครเป็นสาย hangout ทุกคืนวันศุกร์ แดนซ์ดึกดื่นจนหมดแม็กซ์แล้วค่อยกลับบ้าน ควรตั้งกฎกับตัวเองเลยว่า วีคไหนปาร์ตี้หนัก ก็ควรออกกำลังกายหนักเพื่อทดแทนเช่นกัน การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ลดความตึงเครียดจากการทำงาน กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด กระตุ้นเหงื่อให้ขับสารพิษตกค้างจากที่เราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ใครสายปาร์ตี้หนัก ดื่มหนัก ก็อย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ถือว่าเป็นการบาลานซ์ชีวิตให้แฮปปี้ขึ้น
เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้เราใช้ชีวิตและทำงานได้ง่ายขึ้น แต่ว่ามันก็ทำให้เราติดอยู่กับงานได้ตลอดเวลา การแจ้งเตือนเกี่ยวกับเรื่องงานบนมือถือในวันหยุด เป็นสิ่งที่จะคอยขัดเวลาพักผ่อนของเราอีกทั้งยังจะนำความเครียดมาให้อีก วันหยุดก็เหมือนจะไม่ใช่วันหยุดซะทีเดียว ลองออกห่างจากเทคโนโลยีที่จะทำให้เราต้องปวดหัว ลองมาหางานอดิเรกหรือกิจกรรมทำเพื่อให้สมองได้พักผ่อนจะดีกว่า แค่ถอดปลั๊กออกบ้าง งดโซเชียลบ้าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
แบ่งเวลาให้กับตนเองและคนที่เรารักบ้าง หาเวลาให้ร่างกายและสมองได้พัก หรือพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง เพื่อลดความตึงเครียด ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น ใช้เวลาว่างหรือในวันหยุดทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวหรือคนที่คุณรัก เพราะการแบ่งเวลาให้กับตนเอง และคนที่คุณรัก ถือว่ามีความสำคัญ เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตของคุณมีความสุขขึ้น มีสติมากขึ้น เพราะได้มีเวลาเงียบสงบอยู่กับตนเอง ได้พักผ่อน ได้สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและคนที่คุณรัก
การศึกษาธรรมะจะช่วยให้เข้าใจชีวิต ลดความตึงเครียดลง ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและราบรื่น ชีวิตการงานที่ดีขึ้น หาเวลาฝึกสมาธิ ปฏิบัติธรรมดูบ้าง เป็นการช่วยขัดเกลาตนเอง ฝึกจิตให้สงบ เพียงแค่เรามีสติ ใจเย็น มีสมาธิ ก็จะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรอบคอบ ไม่เอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง รู้จักจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดี มองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น การทำสมาธิบ่อยๆ ช่วยเสริมสร้างความจำได้ดี สมองทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ
ถึงงานจะเยอะแค่ไหน เมื่อถึงเวลาเข้านอนก็ควรที่จะพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะร่างกายต้องการที่จะฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอได้ทุกวัน ช่วยให้สมองได้พักผ่อน ถ้าเราเข้านอนเร็ว หลับไว หลับสนิทในช่วงเวลา 5 ทุ่ม – ตี 1 เป็นเวลาที่โกรทฮอร์โมนจะทำงานได้ดีที่สุด เพื่อให้เซลล์ในร่างกายได้ซ่อมแซมอย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ชาร์จแบตให้สมองได้อย่างเต็มอิ่ม พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ เสริมสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ป่วยง่ายได้ด้วย
การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเช็คความสมบูรณ์ของร่างกาย เพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้การตรวจสุขภาพเป็นการตรวจเพื่อให้เห็นถึงปัญหาของสุขภาพที่แท้จริงของผู้ตรวจ ไม่ใช่แค่ตรวจหาโรค ค้นหาความเสี่ยงของโรคหรือภาวะต่างๆ ที่ไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น ซึ่งหากพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความรุนแรงยับยั้งโรคนั้นได้ทัน และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านสุุขภาพในระยะยาวได้ ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวลอะไร ใช้ชีวิตได้อย่างยาวนานและมีสุขภาพที่ดี
อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การพักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการกับชีวิตการทำงานด้วย Work-life Balance ที่ดีนั้น ย่อมทำให้มีสุขภาพจิตและสุขภาพกายดี แต่เมื่อใดที่เราไม่สามารถจัดการกับเรื่องของความสมดุลในชีวิตได้แล้วละก็ โรคภัยไข้เจ็บย่อมถามหาแน่นอน เพราะร่างกายมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร ควรมีการหยุดพักบ้าง หากิจกรรมทำบ้าง ใช้ชีวิตกับครอบครัวและคนรักบ้าง ทำงานอย่างพอเหมาะ แค่นี้คุณภาพชีวิตของคุณก็จะดีขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ถ้าอยากบาลานซ์ชีวิตให้แฮปปี้ ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ มีประกันสุขภาพติดตัวไว้ย่อมดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเจ็บป่วยเมื่อไหร่ ประกันได้หมด จากแมนูไลฟ์ ประกันสุขภาพที่ดูแลให้หมด จะเจ็บเยอะป่วยน้อย เราก็จ่ายให้ เคลมได้ สูงสุด 6 ล้านบาท / ปีกรมธรรม์* ถ้าไม่เคลม รับส่วนลดเบี้ยประกันสุขภาพสูงสุด 30%* ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่อง หลังออกจากรพ.นานถึง 60 วัน ให้คุณได้หมดห่วงเรื่องสุขภาพ กับประกันสุขภาพได้หมด จากแมนูไลฟ์
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Manulife ประกันได้หมด ได้ที่ https://www.manulife.co.th/daimod/